Rolex โรเล็กซ์ (อังกฤษ: ) เป็นแบรนด์ของนาฬิการะดับที่ค่อนข้างสูงจากประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ ตั้งโดยฮันส์ วิลส์ดอฟรวมทั้งอัลเฟรด เดวิสที่ได้รับการยกย่องจากหลายสื่อ รวมถึง นิตยสาร บิสซีเนสวีค (Businessweek) จัดอันดับให้นาฬิกา โรเล็กซ์ ติดอันดับ 71 เมื่อปี 2007 จาก 100 แบรนด์ ยอดเยี่ยม นอกนั้น โรเล็กซ์ ยังเป็นแบรนด์หรูหราที่ใหญ่ที่สุดกางรด์เดียว มีการผลิตราว 2000 เรือนต่อวัน รายได้อย่างคร่าวๆทั่วสหรัฐราว3 พันล้านดอลลาร์ โรเล็กซ์ยังคงรักษาสถิตินาฬิกาข้อมือที่ได้รับการรับรองด้านความถูกต้องแน่ใจมากที่สุด
นี่เป็นรูปลักษณ์ของแฮร์สปริง Parachrom ซึ่งปฏิบัติภารกิจดูแลดูแลเรื่องความแม่นยำสำหรับในการจับเวลาของนาฬิกา โดยเป็นส่วนประกอบที่เราออกแบบและสร้างขึ้นเองทั้งหมดก่อนเผยโฉมเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2005 นี่ยอดเยี่ยมยอดเยี่ยมที่ความรู้ความเข้าใจของแฮร์สปริงที่ทำจากโลหะอัลลอย อัตราส่วนของรูปที่แลเห็นอาจจะทำให้คุณจำเป็นที่จะต้องตะลึงงัน
จะแลเห็นได้ว่าบริเวณส่วนขอบมีความบางกว่าผมหนึ่งเส้นรวมทั้งมีน้ำหนักเพียงเศษเสี้ยวของมุก นอกจากนี้ เมื่อเอามาม้วนม้วนเข้าด้วยกันแล้ว ก็จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางก็แค่ไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้นเอง แฮร์สปริงได้รับการบรรจุเอาไว้ภายในตัวบ้านที่ผนึกอย่างแน่นหนาที่เรียกว่า “Oyster” เพื่อคุ้มครองป้องกันแรงกระทบจากภายนอก ไม่ต้องบอกก็รู้ได้เลยว่าแทบจะไม่มีผู้ใดเคยเห็น Parachrom ด้วยตาของตัวเอง แล้วทำไมเราถึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับสีของส่วนประกอบชิ้นนี้เป็นพิเศษ โน่นก็เพราะว่าเฉดสีฟ้าเป็นสีที่
Contents
- 1 สะท้อนถึงขนบประเพณีที่ความเป็นสุดยอดสำหรับการผลิตนาฬิกาของเรา Rolex
สะท้อนถึงขนบประเพณีที่ความเป็นสุดยอดสำหรับการผลิตนาฬิกาของเรา Rolex
และยังเป็นสีเดียวกับอัลลอยจำพวกพิเศษที่เราปรับแต่งขึ้นจากการผสมผสานไนโอเบียม เซอร์โคเนียม และออกสิเจน แล้วค่อยนำไปผ่านกระบวนการชุบผิวเพื่อหยุดวิธีการทำปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน ฉะนั้น สีฟ้าก็เลยสื่อความหมายกับเราเป็นอย่างมากเพราะเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ถึงความรู้ความเข้าใจอันทนทานนานที่เรายึดมั่นตลอดมา โดยแฮร์สปริงที่เราเปลี่ยนแปลงขึ้นนั้นมีคุณสมบัติต้านทานสนามไฟฟ้า พร้อมประมือกับอุณหภูมิที่แปลง ทั้งยังทนทานต่อแรงชนและก็การสึกหรอได้อย่างยอดเยี่ยม โน่นก็เลยทำให้โรเล็กซ์ทุกเรือนที่มาพร้อมแฮร์สปริง Parachrom เดินเป็นจังหวะป้อมคงอย่างไม่หยุดยั้ง
ความสามารถยกกำลังสาม
นี่เป็นเม็ดมะยมไขลาน Triplock ซึ่งมาพร้อมระบบของใหม่ใหม่ที่เราเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1970 ในรุ่นSea-Dweller กับ “ล็อกสามชั้น” ที่ปิดผนึกแยกกันในสามโซน และนับตั้งแต่ปี 1926 ตัวบ้าน Oyster ของเราก็มาพร้อมกับเม็ดมะยมที่ถูกยึดไว้ด้วยสกรูเพื่อคุ้มครองป้องกันสิ่งที่ “สามารถ” เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ เหงื่อ หรือฝุ่น ไม่ให้เข้าไปในตัวบ้านต่อมาในปี 1954 Rolex เราก็ได้แต่งเม็ดมะยมไขลาน Twinlock พร้อมเพิ่มตัวกันน้ำเพื่อยั้งสิ่งที่ “อาจ” เกิดขึ้นได้ เช่น ในเหตุที่พบได้ยากซึ่งส่งผลต่อปะเก็นในระหว่างมุดน้ำ ส่วนเม็ดมะยมไขลาน Triplock ของเรานั้นได้ถูกทำขึ้นมาเพื่อผจญกับสิ่งที่ “ไม่สามารถที่จะ” เกิดขึ้นได้อย่างแน่แท้ ซึ่งหมายถึงการที่เม็ดมะยมหลุดออกมาเองที่ระดับ 11,000 เมตร (36,090 ฟุต) ใต้ผิวน้ำ… โดยเหตุนี้ไม่ว่าจะลึกเยอะแค่ไหนก็ตาม เราได้จัดการคุ้มครองป้องกันนาฬิกาของเราจากสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เอาไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว
จุดเริ่มแรกของตำนานความเที่ยงธรรม
- เรื่องราวของ เริ่มที่กรุงลอนดอนอังกฤษ เมื่อ Hans Wilsdorf ในวัย 24 ปี และจากนั้นก็พี่เขยของเขา Alfred Davis ได้ก่อตั้งแบรนด์นาฬิกาของตัวเองขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “Wilsdorf and Davis” เป็นแบรนด์นาฬิกาที่มีความแม่นยำสูง สวย แล้วก็ใช้งานได้ดี ซึ่งเป็นหลักฐานที่สำคัญของเรือนเวลา ตั้งแต่วันแรกจนตราบเท่าปัจจุบันนี้
- ภายหลังที่ดำเนินงานด้วยความทุ่มเทมาตลอด 6 ปี ก็ถึงเวลาที่ Hans จำเป็นที่จะต้องตั้งชื่อแบรนด์สักหนึ่งครั้ง ในรุ่งเช้าวันหนึ่งในขณะเขานั่งรถม้ามองเมืองอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงกระซิบในหูของเขาว่า “” ต่อไปเขาก็เลยตกลงปลงใจเขียนแบรนด์ “” เพราะว่าชื่อนี้ทำให้คนทั้งโลกอ่านออกเสียงได้อย่างไม่ยากเย็นรวมถึงตรงกัน wow slot 987
- ความปลอดภัยอันล้ำลึกนี่เป็นวาล์วคายฮีเลียมของเรา ซึ่งได้รับการเขียนสิทธิบัตรเมื่อปี 1967 โดยมีหน้าที่ช่วยคุ้มครองปกป้องนาฬิกาที่ออกแบบมาในการมุดน้ำในระดับที่ลึกสุดกำลัง โรเล็กซ์ปรับปรุงแก้ไขวาล์วนี้ขึ้นเพื่อสามารถปล่อยฮีเลียมที่ใช้ในถังควบคุมแรงกดดันขณะลดความดันในการมุดน้ำ
โดยวาล์วดังกล่าวข้างต้นจะจัดการเองอย่างมีระบบระเบียบเมื่อความดันภายในนาฬิกาสูงเกินข้อกำหนด
เพื่อไม่ให้มีผลเสียต่อเหตุการณ์สุญญากาศภายในนาฬิกา ฮีเลียมเป็นก๊าซเฉื่อยที่มีคุณสมบัติสำหรับในการแรมรอนได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์ในการมุดน้ำแบบอิ่มตัว โดยอะตอมของฮีเลียมสามารถทะลุได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ตัวบ้านผ่านทางซีลของนาฬิกาไม่ว่าจะมีการปกป้องรักษาอากาศเข้าอย่างมิดชิดเท่าไรก็ตาม รวมทั้งหากระบบไม่สามารถจัดเตรียมเรื่องความดันได้เร็วพอเพียงในขณะขึ้นสู่ผิวน้ำ แรงกดดันข้างในก็สามารถดันกระจกให้หลุดออกมา ซึ่งทำให้ตัวบ้านได้รับความเสื่อมโทรมและย่อมไม่ดีต่อความสามารถหลักการทำงานของกลไก ก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เราประดิษฐ์ระบบปรับแรงกดดันด้วยตัวเองนี้ขึ้นมา โดยขณะนี้มีส่วนประกอบที่สำคัญ อาทิเช่น ท่อสุญญากาศ ลูกสูบ ซีล แล้วก็สปริง เนื่องจากส่วนตัวสำหรับเราแล้ว ถ้าเอ่ยถึงความลึก การบรรลุจุดประสงค์แท้จริงจริงนั้นไม่ได้อยู่ที่การดำลึกลงไป แม้ว่าเป็นการเดินทางกลับสู่ผิวน้ำ
ขุมพลังขนาดจิ๋วนี่เป็นแฮร์สปริง Syloxi ซึ่งผลิตมาจากซิลิคอนแล้วก็เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2014 ในค้างลิเบอร์ 2236 โดยทั้งปวงนี้ผ่านการตั้งขึ้นภายในโรงงานของเราเองเอกลักษณ์สะดุดตาของส่วนประกอบองค์ประกอบออสสิลเลเตอร์ช่วยค้ำประกันความตรงไปตรงมาในการจับเวลาของนาฬิกาได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะดีไซน์มาสำหรับนาฬิการุ่นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็กและจากนั้นก็ตรงกลาง แล้วก็นาฬิการุ่นที่เพรียวบางที่สุดของเราก็ตาม แม้กระนั้นขนาดดังกล่าวข้างต้นนั้นก็ไม่ได้ส่งผลต่อความรู้ความเข้าใจอะไร มาพร้อมความยืดหยุ่นแม้ว่าทรหดอดทน มีความค่อยแม้กระนั้นต่อต้านดีเยี่ยม รวมทั้งเมื่อมองให้ลึกถึงระดับไมครอนก็จะพบว่าแฮร์สปริง Syloxi นั้นอัดแน่นด้วยขุมพลังเยอะมากอย่างแท้จริง
“ความกระตือรือร้นของผมไม่มีขอบเขต เมื่อปล่อยให้จินตนาการท่องไปในความเป็นไปได้สำหรับเพื่อการสร้างนาฬิกาข้อมือ อนาคตทั้งผองและโลกใบนี้เปิดกว้างเฉพาะหน้าผม เนื่องมาจากนาฬิกาข้อมือยังไม่มีอยู่จริง” ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ ผู้ก่อตั้งแบรนด์นาฬิกา กล่าวด้วยความเอาจริงเอาจัง นับจากตั้งขึ้นแบรนด์ในปี 1905 เขารู้สึกว่านาฬิกาข้อมือเป็นอนาคต เขาก็เลยเริ่มปรับแต่งนาฬิกาข้อมือที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนในสังคม ทำให้สิ่งประดิษฐ์ที่ถูกมีความรู้สึกว่าเป็นเครื่องเพชรพลอยแปลงมาเป็นเรือนในระหว่างที่บอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงรวมทั้งวางใจได้พร้อมเผชิญทุกแรงกดดันระบบ Ringlock เปิดตัวเมื่อปี 2008 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยปรับนาฬิกามุดน้ำของเราพร้อมจัดแจงกับความลึกในระดับเต็มที่ ส่วนประกอบตัวบ้านมีความพิเศษไม่ซ้ำใครรวมทั้งผ่านการเขียนสิทธิบัตรแล้ว ทั้งยังสามารถกีดกันแรงกดดันได้อย่างมากท่ามกลางความมืดมิด ทดลองเจาะลึกในรายละเอียดของสถาปัตยกรรมของเราที่มีสามระดับชั้นกัน
เริ่มจากชั้นแรกซึ่งเป็นคริสตัลแซฟไฟร์ทรงโดมแล้วก็มีความดกเพียงแค่ไม่กี่มิลลิเมตร
ลึกลงไปจะเป็นวงแหวนบีบอัดแรงต้านทานสูงที่ทำจากเหล็กกล้าไนโตรเจน และจากนั้นก็ลึกลงไปกว่านั้นเป็นฝาด้านหลังตัวบ้านจากไทเทเนียม RLX ดังต่อไปนี้จะเห็นได้ว่าภายหลังที่ตัวบ้าน Oyster รุ่นเริ่มต้นบรรลุเป้าหมายในด้านการปกป้องคุ้มครองน้ำจวบจนกระทั่งเป็นที่แจ่มแจ้งแล้ว ระบบ Ringlock ถือว่าเป็นผลงานต่อยอดที่บ่งบอกความเป็นจริงเป็นจังและตอกย้ำ Rolex ถึงการบรรลุจุดประสงค์ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ส่วนตัวเราแล้ว ทุกแรงกดดันเป็นตัวกระตุ้นให้กำเนิดวิธีการแก้ไขและแสวงหาทางออกที่สมบูรณ์แบบ ทั้งยังส่งเสริมเราให้เดินหน้าเสริมสร้างความสามารถและก็ความเชี่ยวชาญในด้านการคุ้มครองน้ำของเราให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม แล้วหลังจากนั้นก็แน่นอนว่าความเสร็จที่เกิดขึ้นดังที่ได้กล่าวมาแล้วจะช่วยปรับคุณก้าวผ่านข้อกำหนดใหม่ๆได้อย่างสัมฤทธิ์ผล
- ในปี 1914 – 1918 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งขึ้น ซึ่งก็ได้ส่งผลกับเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ จะไม่ได้รับผลพวงรุนแรง ราวแบรนด์อื่นๆแต่เพราะว่านาฬิกาเป็นของสิ้นเปลือง เนื่องจากว่าใช้เงินและทองคำเป็นเครื่องไม้เครื่องมือหลัก ทำให้บริษัทโดนเก็บภาษีอย่างยิ่ง Hans ก็เลยตกลงปลงใจออกมาจากอังกฤษในปี 1919 แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่เมือง Geneva ประเทศสวิตเซอร์แลนด์แทน รวมถึงแปลงชื่อแบรนด์เป็น Watch Company แล้วก็แปลงอีกครั้งในนับเป็นเวลาหลายปีถัดมา ตราบจนกระทั่งมาเป็น SA อย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้
- เราใส่ใจในทุกรายละเอียดนี่เป็นชุดกลไกปล่อยจักร Chronergy ที่เราได้เปิดตัวเมื่อปี 2015 กลไกนี้ปฏิบัติภารกิจส่งผ่านพลังงานด้วยความตรงไปตรงมาอย่างสม่ำเสมอเพื่อควบคุมจังหวะการเดินของนาฬิกา จักรและจากนั้นก็เดือยก้ามปูได้รับการออกแบบขึ้นใหม่เพื่อทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นของระบบภายใต้แนวทางการทำงานที่เรียบง่าย
โน่นเป็นการดีไซน์เดือยให้มีสองขาเพื่อช่วยปรับการปลดปล่อยจักรที่มีรอยบากสามารถหมุนได้อย่างอิสระในจังหวะที่ใช้เวลาสั้นมากมายก่ายกอง กล่าวคือ “ติ๊ก” จะเป็นการที่ขาแรกทำหน้าที่หยุดจักร ขณะที่ “ต็อก” จะเป็นการปล่อยจักรและรอจนถึงขาลำดับลำดับที่สองจะหยุดการหมุน และจะเป็นอย่างนี้ตลอดกาล ซึ่งลักษณะดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนแปดครั้งต่อวินาทีโดยที่ไม่มีการข้ามจังหวะแม้แต่ครั้งเดียว เสมอกันได้กับ 28,800 รอบต่อชั่วโมง หรือ “ติ๊ก” 14,400 ครั้ง และ “ต็อก” ในจำนวนครั้งที่เท่ากัน จังหวะและทำนองที่ดำเนินไปอย่างไม่สิ้นสุดนี้นำมาซึ่งการทำให้เฟืองรวมถึงจักรทุกชิ้นเขยื้อนได้อย่างใส่ประสานกัน และก็ทำให้นาฬิกาสามารถเดินได้อย่างเที่ยงตรง สิ่งนี้ซ้ำเติมให้แลเห็นถึงความสนใจในทุกรายละเอียดของเรา โดยเฉพาะในหัวข้อการควบคุมจังหวะการเดินของเวลา
เมื่อเอ๋ยถึงนาฬิกา เราอยากได้ยินคำว่า ‘ความเป็นยอดเยี่ยม’ มาเป็นเวลานานนับศตวรรษแล้ว
ทั้งการนาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือของแบรนด์ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงในระดับสูงสุดจาก Kew Observatory ของอังกฤษในปี 1914 Rolex การพัฒนาตัวบ้านออยสเตอร์ซึ่งกันได้อีกทั้งน้ำและก็ฝุ่นในปี 1926 และประดิษฐ์ระบบขึ้นลานอัตโนมัติโรเตอร์ Perpetual ในปี 1931 ทำให้กลไกมีกำลังลานสำรองอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็ทำให้ไม่ต้องไขลานด้วยเม็ดมะยมเป็นประจำซึ่งลดผลพวงต่อความรู้ความเข้าใจการคุ้มครองน้ำของตัวบ้าน โดยต่อมากลไกไขลานอัตโนมัตินี้ยังได้กลายเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วทั้งวงการนาฬิกา ภารกิจที่การเสาะหาความเป็นเลิศดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งเป็นเพราะการทำงานที่มอบอิสระ การบูรณาการรวมทั้งเปลี่ยนแปลงความเชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาเข้าด้วยกันในทุกๆด้าน และความยึดมั่นมาตรฐานที่เข้มงวดเพื่อสมกับผลงานอันมีคุณภาพที่มีคุณค่าแก่การประทับ
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ แปลงเป็นที่จับตามองไปทั้งโลก ก็หนีไม่พ้น Submariner เพราะเหตุว่าในปี 1953 ได้เปิดตัวรุ่น Submariner นาฬิกามุดน้ำรุ่นแรกที่สามารถมุดน้ำลึกได้ถึง 100 เมตร เพราะว่าในสมัยนั้นไม่มีนาฬิกาเรือนไหนที่สามารถกันน้ำลึกได้มากขนาดนี้มาก่อน ผ่านมาเพียงแต่ 2 ปี ก็ได้เปิดตัวนาฬิกา 2 ไทม์โซนออกมาตอนแรก ต่อมา ก็ยังได้ปรับแต่งเทคโนโลยีให้ก้าวไปกับโลกภายนอกได้ เพราะว่ามนุษย์สามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ ก็เลยมีความจำเป็นที่นักบินจำเป็นที่จะต้องรู้เวลา 2 โซน ทาง ก็เลยได้ออกรุ่น GMT-Master ในปี 1955 แล้วหลังจากนั้น 7 ปีถัดมา ก็ได้เปิดตัว Daytona หนแรกในปี 1963 เพื่อสังสรรค์การเป็นนาฬิกาที่มีไว้สำหรับจับเว