ดูหนัง จินตนาการ

ดูหนัง จินตนาการ

ดูหนัง จินตนาการ

ดูหนัง จินตนาการ แนะนำ มองกับลูกได้ในตอน movie nightตอนวันสุดสัปดาห์หรือวันหยุดเทศกาลต่างๆถ้าพ่อกับแม่ไม่ได้มีแพลุกลนไปไหนหรือทำอะไร ทดลองหาหนังดีๆมาดูกับลูกในช่วงก่อนนอนเพื่อเติมเต็มความอบอุ่นด้านในครอบครัว ทำให้ลูกมีความสุขและช่วงให้หลับสบายเยอะขึ้นเรื่อยๆ วันนี้มีหนังที่มีข้อคิดดีๆที่เหมาะสมกับการดูกับลูกรักในตอน Movie Night มาเสนอแนะ หนังแฟนตาซี แนะนํา จะมีเรื่องอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ

ดูหนัง จินตนาการ

1. Charlie and the Chocolate Factory

หนึ่งในผลงานอันน่าแปลกของทิม เบอร์ตัน ที่สร้างจากวรรณกรรมของ โรอัลด์ อาห์ล ออกฉายในปี 2005 จนถึงมาถึงวันนี้แทบ 13 ปีมาแล้ว ความคลาสสิคแล้วก็สีสันของหนังเรื่องนี้ยังถูกเอ่ยถึง ที่บอกเรื่องราวการเสี่ยงอันตรายของเด็กผู้ชาย ชาร์ลี ซึ่งเติบโตมาในครอบครัวที่อัตคัดแต่มีจิตใจที่สวยงาม ดูหนังจินตนาการ เขาใฝ่ฝันว่าครั้งหนึ่งจะได้ได้โอกาสเข้าไปดูโรงงานผลิตช็อกโกแลตแสนแปลก ของ วิลลี่ วองก้า (รับบทโดย จอห์นนี่ เด็ปป์) ที่ตลอด 50 ปี ของการเปิดทำการมาไม่เคยมีคนงานเข้าออกจากโรงงานนี้เลยสักครั้งข้อคิดเตือนใจจากเรื่อง ไม่มีความสุขที่ใดดีไปกว่าที่บ้านและครอบครัวเป็นความอบอุ่นที่มีค่าที่สุด และสอนพวกเราทราบดีว่าหากมีโอกาสให้รีบคว้า เพราะว่าโอกาสบางโอกาส เงินก็ซื้อมิได้

2. E.T. the Extra-Terrestrial

E.T. The Extra-Terrestrial เกิดเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง ดูหนัง จินตนาการ เอลเลียทท์ เด็กชายผู้โดดเดี่ยว ที่อาศัยอยู่แถบปริมณฑลแคลิฟอร์เนีย กับผู้มาเยือนจากต่างดาว ที่แสนฉลาดปราดเปรื่องรวมทั้งมีน้ำใจ ซึ่งมาหลงทางอยู่ในโลก ในเวลาที่เอลเลียทท์พากเพียรช่วยทำให้สหายต่างดาวผู้นี้ ติดต่อกับดาวรกราก เพื่ออ้อนวอนนั้น ทั้งคู่จำต้องหลบหลีกบรรดานักวิทยาศาสตร์ แล้วก็เจ้าหน้าที่รัฐบาล ที่เพียรพยายามไล่จับมนุษย์ดาวอื่นเพื่อนำไปค้นคว้า อันก่อให้เกิดการเสี่ยงอันตรายที่ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการข้อคิดเตือนใจจากเรื่อง มีทัศนคติที่ดีในเรื่องความมีเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และก็ปฎิบัติสิ่งดีๆต่อคนอื่น

3. The Polar Express

The Polar Express รถไฟสายดินแดนสร้าง ดูหนังไม่สะดุด เป็นเรื่องราวของเด็กน้อยในคืนวันคริสต์มาส เขาคอยของขวัญอย่างใจจดใจจ่อ แล้วเมื่อเวลานั้นมาถึง เขาก็ได้เห็นขบวนรถไฟมาจอดเทียบท่าที่หน้าบ้าน เขาตัดสินใจขึ้นรถไฟขบวนนี้โดยทันที เรื่องราวการผจญภัยสุดอัศจรรย์จึงเริ่มต้นขึ้น เป็นหนังที่ทำออกมาได้ดิบได้ดี เนื้อหาน่าติดตาม ภาพงาม และก็เพลงไพเราะมากมายๆค่ะแง่คิดจากเรื่อง การเชื่อมั่นในความดีเกิดเรื่องที่ยิ่งใหญ่

4. Up

เมื่อ คาร์ล เฟรดริกเซน คุณปู่วัยขาสั่น อายุใกล้ 80 เริ่มเดินทางข้ามทวีปตามล่าหาฝัน กับการเสี่ยงอันตรายครั้งยิ่งใหญ่ที่น่าตื่นเต้นที่จำต้องพบกับผู้ร้ายและก็การตามล่ามากมาย คุณปู่สุดซ่าได้ศึกษาค้นพบชีวิตการเป็นซูเปอร์วีรบุรุษนี่พึ่งจะเริ่มต้นเมื่อถึงวัยใกล้ฝั่งจริงๆแม้กระนั้นสิ่งที่ทำให้การผจญภัยในครั้งนี้เป็นเหมือนฝันร้ายที่ไม่ต้องการตื่นมาเจอเลยซึ่งก็คือ รัสเซล ลูกเสือวัย 9 ขวบ นักผจญภัยที่เกิดมากับคำถามในทุกๆเรื่อง แล้วก็จัดแจงป่วนปั่นในทุกสถานการณ์ มาดูกันว่าที่ว่าบ้าพลังนั้น

คุณปู่ของพวกเราจะบ้ากับความยุ่ง ของเจ้าหนูรัสเซลก่อนจะได้ใช้พลังหรือเปล่าแง่คิดจากเรื่อง สิ่งที่มีความหมายที่สุดคือความรักความอบอุ่นจากพ่อแนะนำ หนังแฟนตาซี กระตุ้นต่อมจินตนาการสวัสดียามดึกจ้ะ วันนี้แอดก็ว่างๆหงอยเหงาๆก็เลยคิดถึงเรื่องราวที่ต้องการจะฝันในช่วงเวลาที่นอนหลับไปแล้ว ฉันดูเพ้อมากปะ  แน่นอนวันนี้แอดจะมาแนะนำ หนังแฟนตาซี ที่มันสามารถกระตุ้นต่อมจินตนาการ รวมทั้งทำให้พวกเราสนุกสนานไปกับโลกของในหนังได้ แอดจะได้นำกลับไปฝันในคืนนี้ จะมีเรื่องมีราวอะไรที่แอดอยากจะเสนอแนะบ้างตามไปอ่านกันเลยนะ

1. Enchanted (2007)

เนื่องจากว่าแอดต้องการเป็นเจ้าฟ้าหญิงสักครั้งหนึ่งในชีวิตแอดก็เลยขอชี้แนะหนังแฟนตาซีที่สร้างความโรแมนติกและความสนุกสนานให้กับทุกเพศทุกวัยได้ซึ่งก็คือเรื่อง Enchanted เกิดเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งเรื่องราวแนวเดียวกับสโนว์ไวท์เลย อยู่อยู่นางก็ได้กลับเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองจากในเทพนิยายกลับกลายมาเป็นชีวิตอีกโลกหนึ่งที่เป็นชีวิตที่เป็นคนจริงๆเรื่องนี้น่ารักน่าเอ็นดูมากมายและสรุปรวมทั้งน่าดูมากมายทุกคนจำเป็นที่จะต้องดูให้ได้นะ

2. Maleficent (2014-2019)

หนังประเด็นนี้ไม่ว่าจะเป็นภาคแรกหรือภาคลำดับที่สองขอบอกว่าสนุกทั้งคู่ภาคเลยมันเกิดเรื่องราวจากเรื่องเจ้าหญิงนิทราแล้วหลังจากนั้นก็แปลผันหน้าเป็นหัวข้อนี้โดยที่ตัวร้ายของเรื่องจับเปลี่ยนเป็นคนดีหรือเทวนารีแม่สุดที่รักนั่นเองสำหรับผู้ที่ต้องการมองเทพนิยายที่มันไม่น้ำเน่ามากเกินไปไม่หวานซึ้งจนเกินไปแอดแนะนำให้มองประเด็นนี้นะคะเนื่องจากพวกเราจะได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของคุณแม่โจลีด้วย และมันก็เป็นความรักที่ไม่ใช่เป็นความรักเพียงเจ้าฟ้าหญิงพระราชโอรสเท่านั้น

แม้กระนั้น มันยังเป็นความรักของแม่แล้วก็ ลูกต่างสายพันธุ์กันด้วย ภาพยนตร์โลกสมมุติ ที่สะท้อนโลกอนาคตได้ อย่างแม่นยำ ณ เดี๋ยวนี้มนุษย์ทุกคนบนโลกคงจะได้เห็นกันไปแล้วว่า โลกของพวกเรานั้นเปลี่ยนไปเร็วแค่ไหน  พร้อมด้วยเรื่องราวมากไม่น้อยเลยทีเดียวที่ประดังเขามาให้เราเสนอคำถาม ว่าหรือนี่จะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มของสิ่งต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต แม้กระทั่งไม่มีผู้ใดให้คำตอบเราได้ในชีวิตจริง แม้กระนั้น ขั้นต่ำโลกภาพยนตร์ ก็ได้จับเอาประเด็นนี้ ทั้งความอะโพคาลิปส์ (Apocalypse)

แนวคิดแบบดิสโทเปียน (Dystopian) รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆที่จะเกิดขึ้นมาถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์พวกนี้ ที่เราขอเลือกถือมาให้มองเห็นไทม์ไลน์กันอย่างคร่าวๆว่าอดีต ปัจจุบันนี้ และก็อนาคตของโลกเราจะเป็นยังไง

Metropolis

ถ้าเกิดจะบอกว่าภาพยนตร์สุดคลาสสิกประเด็นนี้เป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้กับการสร้างสรรค์งานในแนวไซ-ไฟ และฟิวพบริสติก ก็คงจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคิดว่าหัวข้อนี้ถูกทำออกมาตั้งแต่ปี 20 ก็ยิ่งน่าเหลือเชื่อกับความนึกคิดและจินตนาการของโลกปี 2026 ในอนาคต สิ่งที่เราเห็นในเรื่องเป็นศิลป์แบบอินดัสเทรียล (Industrial) ที่มีความดิบประสมประสานกับความสวยหรูตระการตาในแบบอาร์ตเดโค (Art Deco) รวมทั้งมีหุ่นยนต์สาวนามแมชชีนเนนเมนช์อันโด่งดัง ที่เราน่าจะคุ้นหน้าชินตากันดี อีกสิ่งที่ภาพยนตร์ประเด็นนี้ทำนายอนาคตไว้ได้อย่างใกล้เคียง ก็คงคือเรื่องของชนชั้นทางสังคม ที่ภายใต้ความโก้หรู ความทันสมัย ด้านในกลับขับเคลื่อนด้วยชนชั้นแรงงานสถานที่สำหรับทำงานอย่างไม่รู้จบเพื่อผู้ดีได้เสพย์สุขกัน

2001: A Space Odyssey

ต้นแบบของ หนังไซ-ไฟอวกาศที่เปลี่ยนแปลงโลก ภาพยนตร์ไปชั่วกัลปวสาน รวมทั้งการคาดคะเนอนาคตจากยุค 60s ที่ออกฉาย สู่อีกเกือบ 36 ปีข้างหน้าในปี 2001 ที่แม้แต่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ(สหรัฐอเมริกา)เองยังออกมาประกาศว่าภาพยนตร์หัวข้อนี้สร้างตรงกับเรื่องจริงสูงที่สุด กับการเดินทางสู่ห้วงอวกาศ รวมทั้งสิ่งที่สแตนลีย์ คูบริก ผู้กำกับได้ทาย และเหมือนจะเป็นการปูทางสู่วิถีชีวิต แล้วก็เทคโนโลยีแบบทุกวันนี้ในปี 2020 ซึ่งนานเกือบ 60 ปี

นับตั้งแต่ภาพยนตร์ออกฉาย เพราะว่าเขา เลือกออกแบบโปรดักชั่น ทั้งยังการถ่ายทำแล้วก็อาภรณ์ จากคณะทำงานที่ชำนาญใน เรื่องอวกาศโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มิได้เป็นการดำเนินการแบบโปรดักชั่นภาพยนตร์ทั่วๆไป แล้วภาพยนตร์ประเด็นนี้ยังออกฉายเพียงแต่ 1 ปีก่อนการลงจอดบนพระจันทร์เป็นครั้งแรกของยาน Apollo 11 ที่ยิ่งทำให้เรื่องอนาคตของการสำรวจอวกาศ แล้วก็เทคโนโลยีในหัวข้อนี้เหมือนจริงมากขึ้นไปอีกหนัง 5 เรื่องที่คุณจะต้องย้อนดู เมื่อรู้สึก “หมดไฟ”

ตอนสำเร็จ การศึกษา เราหลายท่านต่าง เต็มไปด้วย ความฝัน มุ่งมาดว่าจะได้ดำเนินงานดีๆมีสภาพ การคลังที่ดูแลตนเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งครอบครัว แม้กระนั้น พอมาปฏิบัติงานเข้าจริงๆบางทีโลกแห่งการทำงานมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เจอความเคร่งเครียด แรงกดดันจากงาน จนบางครั้งรู้สึกหดหู่ระอา เราก็เลยต้องการเสนอแนะ 5 หนังดีที่ควรมองในช่วงเวลาที่พวกเราหมดไฟ เพื่อช่วยสร้างแรงบันดาลใจแล้วก็แรงฮึดสู้สำหรับการออกไปทำในสิ่งสุดที่รักกัน

1. The Secret Life of Walter Mitty (2013)

เรื่องราว ของวอลเตอร์ มิตตี้ บุคลากรล้างฟิล์มที่แมกกาซีน LIFE ดูหนัง จินตนาการ ที่ใช้ชีวิตอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มีจินตนาการถึงโลกที่คนอื่นๆเข้าไม่ถึง วอลเตอร์ไม่เคยออกไปเสี่ยงอันตรายตรงไหน แต่ว่าในหัวของเขาเต็มไปด้วยจินตนาการสุดล้ำอันปั่นป่วนมาจากความฝันในวัยเด็ก ที่ต้องการจะเสี่ยงอันตราย กระทั่งเขาจำต้องออกเดินทางเพื่อตามหารูปที่หายไปจากช่างถายภาพลึกลับมีชื่อเสียง ฌอน โอคอนแนล เรื่องราวนำพาให้เขาต้องดึงความกล้าของตนเองออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า พาตนเองกระโดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ สู้กับปลาฉลาม หรือแม้กระทั้งจนกระทั่งปีนเขาหิมาลัยในแดนดุร้าย

https://festivaldomingosmartins.com/